ข้อเท็จจริงที่เข้ามาแทนทฤษฎีของอวกาศ ด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb
James Webb ความก้าวหน้าและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ของเหล่ามนุษยชาติ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมา เกี่ยวกับ เรื่องอวกาศ มานานตั้งแต่ในยุคสมัยเริ่มต้น ที่มีนักดาราศาสตร์ ได้สร้างทฤษฎีต่างๆมากมาย เกี่ยวกับกาแล็กซีและอวกาศ มาจนถึงยุคปัจจุบันนี้
ทำให้สิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนไป ด้วยเทคโนโลยีของ กล้องโทรทรรศน์อวกาศ ที่เข้ามามีบทบาท และช่วยเหลือ นักดาราศาสตร์ ทำให้สามารถไขเกี่ยวกับทฤษฎีได้มากขึ้น ซึ่งสิ่งนั้น ก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ ถึงข้อเท็จจริงของอวกาศ มันก็ยังเป็นเพียงแค่ทฤษฎี ที่มีความเป็นไปได้สูง
จนมาถึงกระทั่ง ในปี 2021 องค์การ NASA ได้ปล่อยกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวใหม่ ที่ใช้ชื่อว่าเจมส์เวบบ์ เป็นกล้องที่เอาไว้สังเกตุการณ์ การเคลื่อนไหวของอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ที่ห่างไกล หรือว่าดาราจักร
รวมถึงวัตถุต่างๆ มากมาย เพื่อที่จะได้แก้ไขข้อเท็จจริง และนำข้อเท็จจริงเหล่านั้น มาแทนที่ของทฤษฎีต่างๆ ที่เคยพูดถึงกันเกี่ยวกับอวกาศ และความรู้อวกาศของเรา จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์เวบบ์
เป็นการค้นพบ ในสิ่งที่เราอยากเจอมาตลอด และอยากทำความเข้าใจมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกาแล็กซี่ หรือดาวเคราะห์ที่ก่อตัวขึ้น หรือว่าดาวเคราะห์นอกระบบ ซึ่งอานุภาพของมัน สามารถถ่ายภาพที่ลึกที่สุดได้
นับได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของโลก ที่สามารถได้เรียนรู้ถึงการ กำเนิดกาแล็กซี่ อื่นๆ รวมถึงการเห็น เนบิวลา ดาวฤกษ์สิ้นอายุขัย และได้เจอเรื่องแปลกอีกมากมาย อย่างเช่นการค้นพบกาแล็กซี่ที่อยู่ใกล้กันมากที่สุดถึง 5 จุดด้วยกัน ซึ่งเราจะได้พบเรื่องแปลกอีกมากมาย ผ่านกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น และใครหลายๆคนนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอ และเราจะได้เรียนรู้ เกี่ยวกับจักรวาลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของกาแล็กซี่ หรือจุดจบของดาวเคราะห์ ซึ่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์นี้ จะพาให้คุณได้เข้าสู่การย้อนเวลากลับไป
ตั้งแต่ยุคของ กาแล็กซี่แรกเริ่ม นับได้ว่าเป็นก้าวสำคัญครั้งยิ่งใหญ่ ของมวลมนุษยชาติ หลังจากที่กล้องโทรทรรศน์เจมส์เวบบ์ ได้ขึ้นสู่อวกาศในครั้งแรก สิ่งที่เห็นจากข้อเท็จจริงของอวกาศ ทำให้เราได้เห็นอะไรบ้าง
5 ดาราจักร Stephan’s Quintet
เป็นการรวมกันระหว่าง 5 ดาราจักร ซึ่งอยู่รวมกันแบบเป็นกระจุก เนื่องจากแรงดึงดูด ที่มีมากแบบมหาศาล เป็นดาราจักรที่อยู่ห่างออกไปมากถึง 290 ล้านปีแสง ต้องบอกได้เลยว่าหน้าตาของทั้ง 5 ดาราจักรนี้ เราอาจจะเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน ซึ่งทั้งหมดกำลังเคลื่อนที่เข้าหากัน และในนั้นมีดาวฤกษ์ นับมากกว่าแสนล้านดวงด้วยกัน นับได้ว่าเป็นการถอยหลัง สู่การค้นพบของกาแล็กซี่ในยุคแรก และเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรก ของมนุษยชาติ ที่จะมีโอกาสได้สังเกตการณ์ เกี่ยวกับกาแล็กซีในยุคแรกของเอกภพ
และรับรองได้เลยว่า ในอนาคตเราจะได้เห็น Hubble กลุ่มดาวฤกษ์และกลุ่มแก๊สต่างๆ ที่เข้าหากันและชนกัน ซึ่งภาพนี้อาจจะเคยได้เห็น ในช่วงสมัยแรกๆของ กล้องฮับเบิล ที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2009 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ แสงที่สว่างมาก มาจากกาแล็กซีเหล่านั้น ซึ่งมีความสว่างมากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 40 ล้านเท่าเลยทีเดียว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้พูดถึง ว่ามันคือจุดเริ่มต้น การเกิด หลุมดำ และอีกไม่นานคุณอาจจะได้เห็น กับปรากฏการณ์นี้
Carina Nebula เนบิวลากระดูกงูเรือ
ซึ่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ ทำให้เราได้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับเนบิวลา ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 230 ปีแสง ซึ่งในสมัยอดีตนั้น ได้ค้นพบจากการถ่ายภาพของฮับเบิล เพียงแค่ว่ามันไม่สามารถ ถ่ายให้เห็นได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีกลุ่มของฝุ่น ที่เกิดจากการ ระเบิดของดวงดาวและก๊าซ ที่มีจำนวนมาก และด้วยกล้องอวกาศเจมส์เวบบ์ ช่วยทำให้เราสามารถได้เห็น เกี่ยวกับรายละเอียด ของย่านอินฟาเรดได้ดีมากขึ้น และทำให้เห็นเนบิวลาอย่างชัดเจน แบบที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเลยนั่นเอง
Southern Ring Nebula
ซากของดาวฤกษ์ ที่สิ้นอายุไข และเกิดการระเบิดหรือ ซุปเปอร์โนวา และทำให้เกิดการผลักกลุ่มฝุ่น และแก๊สให้ขยายตัวออกไปแบบรอบๆ และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ที่คาดการณ์ไว้ถึง 0.5 ปีแสง ซึ่งเราจะได้เห็น กลุ่มฝุ่นและก๊าซที่ชัดเจน จากดาวฤกษ์ที่ตายแล้ว และแยกตัวเป็นชั้นๆ ตามคลื่นกระแทกที่เกิดจากการระเบิด และทำให้นักวิทยาศาสตร์นั้น สามารถวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจน เกี่ยวกับธาตุต่างๆ มากมาย ที่เกิดขึ้นจากการซุปเปอร์โนวา และทำให้เราได้เห็น ส่วนที่เป็นสีฟ้าและสีน้ำเงิน นั่นคือใจกลางของดาวฤกษ์ที่มีความร้อนจัด และดาวฤกษ์สิ้นอายุขัยแห่งนี้ อยู่ไกลจากโลกออกอีก ประมาณ 2000 ปีแสงเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเป็น วัตถุที่โด่งดัง ของ การสิ้นอายุขัยของดาวฤกษ์ และการขยายขอบเขตออกไป มีความไวมากถึง 9 ไมล์ต่อวินาทีเลยทีเดียว
Exoplanet กลุ่มดาวเคราะห์นอกระบบ WASP 96 b
เรียกได้ว่าเป็น ดาวต้นแบบ และหากออกไปอีกประมาณ 1150 ปีแสง เป็นดาวเคราะห์ที่มีลักษณะเป็นแก๊ส คล้ายๆกับ ดาวพฤหัส แต่จะมีมวลเพียงแค่ครึ่งเดียว และเป็นดาวเคราะห์ ที่มีการโคจร ใกล้ๆกับดาวฤกษ์มากที่สุด ซึ่งมันมีระยะที่โคจรใกล้มากกว่าดาวพุธ ซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงกว่าอย่างมาก แต่สิ่งที่ได้จากดาวดวงนี้ นั่นก็คือเรื่องของ สเปกตรัม ทำให้นักดาราศาสตร์นั้น สามารถค้นพบ เกี่ยวกับหลักฐาน ของ โมเลกุล และน้ำ ในชั้นบรรยากาศ และเป็นหลักฐานของกลุ่มเมฆและหมอก
ทำให้นักดาราศาสตร์นั้น สามารถเอาสเปกตรัมที่ได้ จากดวงดาวแห่งนี้ มาเป็นต้นแบบและตัวอย่าง การคำนวณของดาวเคราะห์ต่อๆไป ถ้าเกิดมีการถ่ายภาพเจอดาวดวงไหน ที่มีโมเลกุลของน้ำ และมีเมฆหมอกนั้น จะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินถึง ว่าดาวดวงนั้นจะมีปริมาณของคาร์บอน และออกซิเจนที่ได้มา มีมากน้อยแค่ไหน
และถึงแม้ว่าดาวต้นแบบนั้น อาจจะอยู่ใกล้กับดาวฤกษ์มากเกินไป และร้อนจนทำให้ไม่มีน้ำ แต่ก็สามารถนำมาเป็นต้นแบบใด ด้วยภาพถ่ายที่มาจาก เว็บดูบอลสดฟรี กล้องอวกาศเจมส์เวบบ์ เรียกได้ว่าจะสามารถนำไปเปรียบเทียบ ได้ในวันข้างหน้า ซึ่งรับรองได้เลยว่าเป็นก้าวที่สำคัญเช่นเดียวกัน สำหรับการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์
นับได้ว่าเป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ที่ก้าวหน้ามากกว่าใคร ซึ่งกล้องอวกาศเจมส์เวบบ์ ใช้เวลามากถึง 30 ปีในการสร้างขึ้นมา ด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งกล้องอวกาศเจมส์เวบบ์ ได้ถูกปล่อยออกไปในวันที่ 25 ธันวาคมเมื่อปี 2021 และถูกปล่อยออกไปอยู่ในจุด L2
ซึ่งอยู่ในบริเวณของแรงโน้มถ่วงโลกและดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็น แรงโน้มถ่วงที่สมดุล และสามารถโคจรในอวกาศ แบบจุดเดิมได้ และเทคโนโลยีของกล้องอวกาศนี้ แตกต่างจากกล้องอวกาศเป็นอื่นๆ ซึ่งมันสามารถใช้การสังเกตภาพ โดยใช้อินฟาเรด มันจะได้ความคมชัดและความไวแสง มากกว่ากล้องอื่นๆหลายเท่า
ด้วยความที่มีขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีที่ดีกว่า ทำให้สามารถเห็นวัตถุต่างๆได้ในระยะไกล โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ กล้องอวกาศเจมส์เวบบ์นั้น ประกอบไปด้วยกระจกที่มีขนาดใหญ่ เบริลเลียมเคลือบทองทรงหกเหลี่ยม 18 ส่วนแถมยังใหญ่กว่ากระจกของฮับเบิลมาถึง 2.4 เมตรเลยด้วยกัน
ทำให้สามารถสะท้อนแสงได้มากกว่า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ได้ถูกนำมาช่วยเหลือในด้านของ ดาราศาสตร์ และทำให้เราได้รู้จักถึงห้วงอวกาศมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เกี่ยวกับความก้าวหน้า ซึ่งมีการคาดการณ์ถึงอายุไขของกล้อง สามารถใช้ได้นานมากถึง 20 ปีและรับรองได้เลยว่า หลังจากนี้มีแต่เรื่องตื่นเต้น ที่คุณจะได้เห็นข้อเท็จจริงของอวกาศ
ภารกิจของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb ที่สามารถช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ได้
ซึ่งหลักๆ ภารกิจของกล้องโทรทรรศน์เจมส์เวบบ์ นั้นจะเป็นการสังเกตุการณ์ และถ่ายภาพอวกาศ ไม่ว่าจะเป็น ดาวเคราะห์นอกระบบ ดาวฤกษ์ที่อยู่ห่างไกล กาแล็กซี่ที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ จะทำให้เราได้สามารถสังเกตเห็น การรวมตัวกันของเรากลุ่มก๊าซ และฝนในอวกาศ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าเนบิวลา
และมีหน้าที่ช่วยในการวิเคราะห์ ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์อื่นๆ ที่อยู่ในระบบสุริยะ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น สังเกตการณ์จักรวาลในยุคเริ่มแรก หลังจากเกิดเหตุบิกแบง และยังมีสิ่งอื่นอีกมากมาย ที่เป็นภารกิจหลัก ของทางกล้องอวกาศเจมส์เวบบ์
เพื่อที่จะเปิดเผย ให้กับเหล่ามนุษยชาติให้ได้เห็น และเป็นก้าวสำคัญ ให้กับ ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ทำให้เห็นข้อเท็จจริงมากขึ้น และไขทฤษฎีต่างๆมากมาย ที่เคยมีมาก่อนนั่นเอง เป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการศึกษาความรู้ในอวกาศ