เรื่องมหัศจรรย์บนโลก เรื่องราวของโลกใบนี้ เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ

เรื่องมหัศจรรย์บนโลก

เรื่องมหัศจรรย์บนโลก เรื่องราวของโลกใบนี้ เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ

เรื่องมหัศจรรย์บนโลก คุณรู้จักกับโลกของเราใบนี้หรือยัง ถ้ายังลองมาทำความเข้าใจด้วยกัน มีนักวิทยาศาสตร์มากมายที่คาดการณ์ว่า โลกนั้นได้ถือกำเนิดมามากกว่า 4,600 ล้านปีมาก่อนแล้ว ในตอนที่โลกกำลังกำเนิดขึ้นมานั้น โดยเกิดจาก กลุ่มแก๊ส และ ผงฝุ่นในอวกาศ ที่มีความควบแน่นมาก และสามารถจับกันเป็นก้อนได้ และในช่วงยุคนั้น พื้นผิวของโลกเราจะมีลักษณะที่เป็นของเหลว และค่อนข้างที่จะร้อนมากๆ หลังจากนั้นในของเหลวนั้นก็จะเย็นขึ้น จนกลายเป็นการแข็งตัวของพื้นผิวเกิดขึ้น บรรยากาศของโลกสมัยนั้นแทบจะไม่มีออกซิเจนให้คุณได้หายใจเลย

ส่วนใหญ่แล้วประกอบไปด้วยพวกแก๊สต่างๆมากมาย บอกเลยว่าถ้าอยู่ในตอนนั้น เราคงไม่รอดแน่ และในตอนนั้นแทบจะไม่มีแหล่งน้ำ หรือทะเลเลยแม้แต่น้อย คุณจะเห็นว่าองค์ประกอบของโลกนั้น หากย้อนไปในถึงยุคดึกดำบรรพ์ จะมีความแตกต่างจากโลกปัจจุบันอย่างมากเลย อย่างไรก็ตามเมื่อกาลเวลาที่ผ่านไป ซึ่งผ่านไปอีกนับพันล้านปีหลังจากที่มีการกำเนิดโลกขึ้น และสิ่งมีชีวิตก็ได้เริ่มกำเนิดขึ้นมา และเกิดจากการวิวัฒนาการขึ้น มันเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์อย่างมาก

โลกของเราในยุคเริ่มต้น เกิดการวิวัฒนาการมาได้อย่างไร

ในช่วงที่ก่อตัวในยุคแรกๆ อุกกาบาตได้กระหน่ำชนตลอดเวลา จนกลายเป็น หินหนืดร้อน พื้นผิวนั้นร้อนมาก เกิดจากดาวเคราะห์เล็กๆที่ยังอยู่ในห้วงอวกาศ และองค์ประกอบหลักๆที่อยู่ในโลกนี้ อย่างเช่นธาตุเหล็ก ได้ถูกจมตัวลงไปอยู่แกนโลก และนอกจากนี้ยังมีธาตุ ที่มีองค์ประกอบที่บางกว่า หรือว่าเบากว่านั้น อย่างเช่น ซิลิคอน ลอยตัว ขึ้นสู่เปลือกนอก และมีสารประกอบที่เบามากกว่า อย่างเช่น ไฮโดรเจน  คาร์บอนไดออกไซด์ และไอน้ำ พยายามออกแทรกจากพื้นผิว และได้กลายเป็นบรรยากาศนั่นเอง

เปลือกนอกของโลกนั้นได้เย็นลง และตกผลึกกลายเป็นหิน และแร่ต่างๆมากมาย ทางด้านพื้นบรรยากาศ ไอน้ำได้ควบแน่นทำให้เกิดฝน ในชั้นบรรยากาศตอนนั้น เต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ และฝนก็ทำให้เกิดการละลายคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้น จนทำให้ลงมาสู่พื้นผิวโลก และเกิดกลายเป็นทะเลและมหาสมุทรเกิดขึ้น

การก่อตัวของพื้นผิวโลก และทวีปในยุคปัจจุบัน เกิดขึ้นจากภูเขาไฟปะทุหลายครั้งด้วยกัน

ซึ่งในช่วงแรกๆนั้นเกิดการปะทุของภูเขาไฟจากใต้ท้องทะเล แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่ปะทุขึ้นมา แกนกลางของโลก ดูความร้อนนั้นได้ดันพื้นผิวขึ้นมาจากน้ำทะเล และเกิดให้กลายเป็นภูเขาไฟ ในช่วงนั้นยังมี อุกกาบาต ที่ตกลงมาอย่างมากมาย และเกิดภัยพิบัติหลายครั้งด้วยการ เมื่อเวลานานขึ้น โลกของเราก็เริ่มขยับตัว พื้นผิวของโลกนั้นก็เริ่มรวมตัว กลายเป็นทวีปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นทวีปที่ใหญ่มากๆ และหลังจากนั้นเอง ก็เริ่มมีความร้อนจากแกนโลกปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทวีปขนาดใหญ่ เกิดการแยกออกจากการ และยังเกิดภูเขาไฟเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และ ภูเขาไฟ ทั้งหลายนั้นก็พ่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขึ้นสู่บนชั้นบรรยากาศ เหมือนกับดาวอังคารในตอนนี้มา คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ได้ผสมรวมกันกลายเป็นฝนกรด พื้นผิวของโลกในตอนนั้น มีหินที่สามารถรับคาร์บอนไดออกไซด์ และฝนที่เป็นกรด ตกลงมาจากฟ้า

ทวีปและพื้นผิวของโลก เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ และทวีปค่อยๆเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงนั้น สภาพอากาศเหมือนกับ ดาวอังคาร ไม่มีผิด มีเพียงแค่ความว่างเปล่า เป็นพื้นเปลือกโลก ที่ไม่มีอะไรเลย และในช่วงนั้นเอง ก็เริ่มมีการปรากฏตัวขึ้น ทวีปใดนั้นถูกแยกออก ปีแล้วปีเล่าที่ทวีปนั้นค่อยๆแยกออกจากกัน เนื่องจากความร้อนที่พุ่งออกมาจากแกนโลก มันทำให้โลกนั้นยืดออก และทำให้เปลือกโลกนั้น แยกออกจากกัน จากทวีปที่ใหญ่ก็มีน้ำเข้ามาแทรกเรื่อยๆ ในช่วงนั้นการเคลื่อนไหวของธรณีที่รุนแรง ได้เกิดภูเขาไฟจำนวนมาก ซึ่งตอนนั้นเองอย่างที่บอกไว้ มันเป็นเหตุการณ์ของการเกิดฝนกรด ที่รวมกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ และพวกหินนั้นก็ได้โผล่ขึ้นมา มาในช่วงที่ทวีปนั้นแยกออกจากกัน หินก็มีประโยชน์อย่างมาก ในช่วงนั้นมีคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ พวกคาร์บอนไดออกไซด์ถูกดูดเข้าไปในหิน และกักเก็บเอาไว้

และหลังจากนี้ภายในไม่กี่ปี จากบรรยากาศที่ค่อนข้างร้อน อุณหภูมิกับดิ่งลง ซึ่งอุณหภูมินั้นดิ่งไปถึงสูงสุด -50 องศา บอกเลยว่าเย็นกว่าตู้เย็นบ้านเราเลย นั่นคือการก้าวสู่เข้ายุคน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้พูดกันว่า นั่นคือยุคน้ำแข็งที่ยาวนาน และหนาวเย็นที่สุดที่โลกเคยเจอมา ความหนาวนั้นได้ทำให้เกิดกำแพงน้ำแข็งกว้างใหญ่ สูงมากกว่าหลายพันเมตร เกิดน้ำแข็งแบบไม่หยุด และในช่วงนั้นเองลูกได้ถูกน้ำแข็ง ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่มีความหนา 3 กิโลเมตร และน้ำแข็งเองก็สามารถสะท้อนแสงพระอาทิตย์ได้

ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นยุคน้ำแข็ง ที่มีน้ำแข็งปกคลุมมากมาย แต่ก็ใช่ว่าแกนโลกนั้นจะเย็นไปด้วย ซึ่งแกนโลกนั้นก็ยังคงร้อนมากกว่าพื้นผิวดวงอาทิตย์ และในยุคนั้นเอง ก็ไม่มีอะไรต้านทานภูเขาไฟได้ และในช่วงนั้นเอง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถูกพ่นออกมาจากภูเขาไฟอีกครั้ง ในครั้งนี้ออกมาเป็นหลายตัน และในขณะนั้นเอง หินที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก็ไม่สามารถดูดได้อีกต่อไป เพราะมันอยู่ชั้นล่างน้ำแข็งนั่นเอง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น เลยกักเก็บความร้อนไว้จากดวงอาทิตย์ และทำให้อุณหภูมิของโลกนั้นร้อนขึ้น และหลังจาก 15 ล้านปีต่อมา ยุคน้ำแข็งนั้นได้เริ่มหมดไป และนั่นเองก็ทำให้เกิดมหาสมุทร และถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตหลายๆอย่าง พวกแบคทีเรียได้ถูกวิวัฒนาการ

ในช่วง 540 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตได้เกิดขึ้นจากการวิวัฒนาการของแบคทีเรีย

แบคทีเรียบางตัวที่สามารถผ่านพ้นมาจากยุคน้ำแข็งได้ และในมหาสมุทรนั้นมีออกซิเจน มีพืชหลากหลายชนิด และมีสิ่งที่ถูกวิวัฒนาการเกิดขึ้น มันคือสัตว์ยุคแรกๆนั่นก็คือ รูปร่างมันจะเหมือนหอยทาก เป็นสัตว์ที่มีเซลล์ซับซ้อน และหลังจากนั้นก็มีสัตว์เป็นอื่นมากมายเกิดขึ้น ระดับออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น ทำให้สัตว์มีการเจริญเติบโต มีพวกหนอนทะเล หรือพวกแมลงสาบทะเล สิ่งที่พัฒนาการมากขึ้น จากแบคทีเรียขนาดเล็ก สู่สัตว์ขนาดใหญ่ในท้องทะเล ก่อกำเนิดสัตว์ตัวใหญ่ ที่มีขนาด 60 เซนติเมตร มันเป็นสัตว์ทะเลที่รูปร่างคล้ายๆปลาหมึก และมีเขี้ยวแหลมคมที่งอกออกมาจากด้านหน้า พร้อมกับตาชื่อของมันก็คือ อโนมาโลคาริส และอาหารที่มันชอบ ก็คือไทรโลไบค์สัตว์ที่เหมือนแมลงสาบทะเล และก็ยังมีสัตว์อีกมากมายที่เกิดขึ้น 

และในช่วง 460 ล้านปีก่อน เปลือกโลกนั้นก็ได้เคลื่อนที่อีกครั้ง ออกซิเจนบนบกนั้นได้เพิ่มมากขึ้น ชั้นโอโซนได้หนาขึ้น ทำให้รังสียูวีของพระอาทิตย์ไม่สามารถทำอะไรโลกได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นเพิ่มขึ้น พวกพืชต่างๆหญ้ามอสที่เกิดขึ้น เป็นพืชแรกๆที่เกิดขึ้น พวกมันได้เพิ่มออกซิเจนอากาศ และในช่วงนั้นเองเมื่อ 375 ล้านปีก่อน ซึ่งได้เกิดสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำชนิดแรก อิชทิโอสเตอกา รูปร่างหน้าตามันจะให้คล้ายสลาแมนเดอร์ เป็นสัตว์ยุคแรกที่ขึ้นมาอยู่บน และการวิวัฒนาการก็ได้เปลี่ยนไป พวกมันอาศัยอยู่บนบกมากขึ้น ได้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นพวกไดโนเสาร์ และมีการพัฒนาการขนาดตัวได้มากขึ้น โลกของเรานั้นได้วิวัฒนาการมากขึ้น ออกซิเจนบนโลกนั้นมีเพิ่มมากขึ้น การวิวัฒนาการไม่มีวันหยุด ได้เกิดปลาและพวกแมลง ที่มีขนาดใหญ่อยู่ในโลกสมัยก่อน และพวกสัตว์ประหลาดมากมาย ในนั้นมีกิ้งกือที่มีขนาดยาว 1 เมตรหรือว่าแมงป่องตัวขนาดเท่าหมาป่า 

และเวลาได้ผ่านมาถึง 250 ล้านปี สิ่งมีชีวิตได้ครองโลก ฝูงสัตว์ประหลาดได้กลายมาเป็นสัตว์บกขนาดใหญ่ ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จากการวิวัฒนาการของมัน ซึ่งมีทั้งสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อ แน่นอนว่านั่นคือห่วงโซ่อาหาร และในช่วงนั้นเองกูเขาไฟก็เริ่มเกิดขึ้น แรงดันมหาศาลทำให้เกิดภูเขาไฟ และรอยแยกของโลก พื้นที่สีเขียวกับกลายเป็นพื้นที่สีแดงร้อนระอุอีกครั้ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาและวิวัฒนาการ ได้สูญหายกันไปหมด จากการระเบิดภูเขาไฟของไซบีเรีย และทำให้สภาพอากาศของโลกเป็นพิษอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่อื่น หรือแม้แต่ทะเล ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก ขึ้นไปอยู่ด้านบนทำเป็นฝนกรดอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกนั้นได้หายเกือบหมด และเหลือสิ่งมีชีวิตเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น ที่สามารถอยู่รอดได้ 

และหลังจากนั้น 50 ล้านปีจากเหตุการณ์สูญเสีย จากการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ โลกได้ฟื้นตัว ทุกอย่างนั้นกำลังจะกลับมา ซึ่งนั่นคือการสูญเสียสิ่งมีชีวิตบนโลกถึง 95% และถ้าเกิดสัตว์สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น นั่นก็คือไดโนเสาร์ยุคใหม่ และมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆมากมาย ที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อมีสิ่งมีชีวิตมาก ย่อมมีซากสัตว์เยอะมากขึ้น แม้แต่ในทะเลเองก็ตาม ปลาและแพลงตอน นั้นมีจำนวนมากขึ้น และตายเยอะขึ้นทำให้เกิดซากสัตว์เยอะมาก แต่สิ่งนั้นเองชั้นหินจะถูกฝัง และให้ความร้อนแก่ซากสิ่งมีชีวิต พวกที่ตายไปในเมื่อก่อนนั้น จะกลายเป็นน้ำมัน มันคือต้นกำเนิดของเชื้อเพลิง ช่วงยุคของไดโนเสาร์ไม่มีใครในโลกสามารถท้าทายมันได้ มีเพียงแค่นอกโลกเท่านั้นที่สามารถทำได้ นั่นก็คืออุกกาบาตนั่นเอง เกิดการปะทะครั้งใหญ่ของโลก เกิดการเปลี่ยนแปลงของในยุคไดโนเสาร์ แรงระเบิดของการปะทะครั้งนั้น ยิ่งกว่านิวเคลียร์ประมาณล้านลูกด้วยกันบอกเลยว่ามันเยอะมาก และรุนแรงมากที่สุดที่โลกเคยเจอ และมีเพียงแค่สัตว์บางชนิดที่รอ จะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ใต้ดิน พวกมันสามารถอยู่รอดได้ ด้วยการกินซากสัตว์ที่ตายโดยไม่เลือก และกลายเป็นการวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และอยู่มาเรื่อยๆจนมาถึงในยุคปัจจุบัน

นี่เป็นเรื่องราวทั้งหมดของ เรื่องมหัศจรรย์บนโลก ทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์คิดค้น

แน่นอนว่าในสิ่งนี้ถือว่าเป็น 1 ทฤษฎีที่หลายคนนั้นยอมรับ และบอกว่ามีความใกล้เคียงมากที่สุด ในโลกของเรานั้นถูกวิวัฒนาการมาเยอะมาก และหลายล้านปีที่มนุษยชาตินั้นยังไม่รู้เกี่ยวกับโลก แน่นอนว่าปัจจุบันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย การวิวัฒนาการของมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน คุณจะได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง ถึงแม้ลูกเองตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนมาถึงในยุคนี้ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมาหลายร้อยล้านปี ไม่แน่ว่าในอนาคตไม่ไกล อาจจะมีการเกิดขึ้นหรือวิวัฒนาการสิ่งใหม่ๆมากกว่าเดิม หรือแม้แต่สัตว์หลายพันชนิด ที่กำลังเกิดขึ้นมาใหม่ คุณจะได้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นโลกของเราได้ ซึ่งผ่านอะไรมาเยอะแยะแล้วมากมาย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยพิบัติทางอากาศ สิ่งอื่นๆหลอมรวมโลกและสิ่งมีชีวิต ให้กลายมาเป็นยุคปัจจุบันนี้ได้ ซึ่งเราเองถึงรู้แบบนี้แล้ว อยากจะให้ช่วยกันดูแลรักษาโลก ถึงมันจะเป็นเพียงแค่เล็กน้อย แต่ก็ทำให้โลกนั้นสามารถอยู่ช่วยมนุษยชาติได้ และนี่คือที่มาของโลกทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างแท้จริง