ศยามลคดี คดีประวัติศาสตร์ เปิดบันทึกรักศยามล

ศยามลคดี

ศยามลคดี แม่ผัวจ้างวานฆ่าลูกสะใภ้

ศยามลคดี นับว้าเป็นข่าวใหญ่ กับกรณี แม่ผัวจ้างวานฆ่าลูกสะใภ้ แล้วตัวเองก็หนีไปกบดาน โดยทำทีว่า เสียชีวิต แต่จนแล้วจนรอดก็หนีความผิดไม่พ้น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคดีลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วบ่อยครั้ง ทางเราได้ย้อนรอย คดีจ้างวานฆ่า ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ของสังคมไทย ซึ่งก็คือคดี จ้างวานฆ่า ศยามล

จากน้ำผึ้งหวานกลายเป็นยาขม เสียงเด็กหญิงวัย 2 ขวบร้องไห้ แง แง ดังลอดออกมาจากรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ สีขาว ทะเบียน ก 2344 ประจวบคีรีขันธ์ ที่ถูกจอดทิ้ง ริมถนนทางเข้าบ้านหนองปลาไหล ท้องที่หมู่ 2 ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด เมื่อตอนช่วงเช้า ของวันที่ 29 ก.ย.2536

เมื่อตำรวจและประชาชนไปถึง ทุกคนต่างตกตกใจกันอย่างมาก กับภาพตรงหน้า คือ ศพของหญิงสาว ทราบชื่อต่อมา คือ นางศยามล ลาภก่อเกียรติ อายุ 30 ปี นอนตายอยู่บนเบาะ ติดกับที่นั่งคนขับ สภาพศพมีบาดแผล ถูกแทงด้วยมีดปลายแหลม เข้าที่ลิ้นปี่ รวม 3 แผล เลือดไหลนองแต่แห้งเกรอะกรัง

โดยมีเด็กหญิงวัย 2 ขวบ กอดศพร้องไห้อย่างน่าเวทนา และสร้างความสะเทือนใจ จากการชันสูตรเบื้องต้น พบว่า นอกจากแผลถูกแทง 3 แผลแล้ว ศยามล ยังถูกรัดคอด้วย

เปิดประวัติ ศยามลคดี ผู้เคราะห์ร้าย ที่แท้เป็นอดีตเมียนายแพทย์มีชื่อโด่งดัง

จากการสอบสวน พบว่า นางศยามล คือ อดีตภรรยาของ นายแพทย์ บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ แพทย์โรงพยาบาลหัวหิน ก่อนพบจุดจบ นางศยามลได้ขับรถเก๋งคันดังกล่าว ออกจากบ้านมาพร้อมกับลูกสาว ตั้งแต่คืนวันที่ 28 ก.ย. คืนนั้นมีผู้พบเห็นชาย 3 คน อยู่ในรถผู้ตายโดย ไม่เห็นตัวศยามล จึงคาดว่าจะเกิดเหตุร้าย

หลังแม่ของศยามล ได้ทราบข่าวก็ได้ติดต่อขอรับศพ พร้อมกับเผยถึง ความสัมพันธ์ของลูกสาว กับ อดีตสามี ว่าได้เลิกรากันมา 2 ปีแล้ว ซึ่งอดีตสามี ได้จ่ายค่าเลี้ยงดู จำนวน 2 ล้านบาท และเมื่อต้นปี 2536 นางศยามลได้ไปเซ้งร้านขายเสื้อบูติก ซึ่งอยู่ใกล้ร้าน “จี่ อัน ตึ๊ง” ซึ่งเป็นร้านขายยาของ นพ.บัณฑิต

ทั้งคู่จึงนัดเจอกัน และเป็นฝ่ายชาย ที่พูดจาข่มขู่ให้เธอ ย้ายออกจากหัวหิน เนื่องจาก นายแพทย์บัณฑิต กำลังจะแต่งงานใหม่ กับหญิงสาวที่ทำงาน ที่โรงพยาบาลเดียวกัน

เบาะแสจากปากลูกสาวศยามล และปมสังหาร

คดีนี้เป็นที่สนใจอย่างมาก ของคนในสังคม ขณะที่ตำรวจก็เริ่มได้เค้า ของฆาตกรรมโหดเหี้ยมแล้ว นอกจากนี้ ยังได้สอบปากคำ แม่ของศยามล ก็ให้การว่า จากการพูดคุยกับหลาน ถามว่า วันนั้นแม่ ขึ้นรถไปกับใคร ลูกสาววัย 2 ขวบ บอกอย่างไม่ชัดเจนนักว่า”ต๋า” ซึ่งอาจเดาไปได้ความ คือคำว่า “ป๋า” ปกติแล้ว ด.ญ.อิงอิง จะเรียก นายแพทย์บัณฑิต ว่า ป๋า

ในที่สุด ตำรวจก็พบหลักฐานเบาะแส สำคัญ 1 ชิ้น นั่นคือ บันทึกของศยามล ศยามลสาธยายถึง ความร้าวรันทดของชีวิตที่เกิดขึ้น จากความผิดหวังในตัวอดีตสามี พร้อมกับส่งเรื่อง ไปตีแผ่ยังนิตยสารรายปักษ์ ชื่อดังฉบับหนึ่ง เมื่อเดือนกันยายน 2534 โดยใช้นามปากกาว่า สาวนิรนาม

เปิดบันทึกรัก ศยามล ความเจ็บปวดของคนเป็นแม่

ในบันทึกของศยามล ได้บรรยายถึงตัวเอง และ เผยว่าได้รู้จักกับนายแพทย์คนหนึ่ง ในโรงพยาบาลเดียวกัน นายแพทย์ผู้นี้ พยายามทุกวิถีทางเพื่อยัดเยียดบทบาทความเป็นเจ้าของในตัวเธอ ทั้งที่นายแพทย์ผู้นี้ ก็มีหญิงที่หมายปอง คือ นักศึกษาแพทย์รายหนึ่ง ศยามลรู้อยู่เต็มอก และพยายามจะหนีห่าง เพราะเห็นใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน แต่นายแพทย์ผู้นี้ ก็ได้พยายามทุกวิถีทาง กระทั่งเข้าทางครอบครัวของเธอ

นายแพทย์คนในบันทึกนี้ ถึงกับยอมลงทุน ให้ศยามลพาไปจุดธูปเทียน สบถสาบานว่า รักศยามลและจะขอแต่งงานด้วย ต่อหน้าหลุมฝังศพของพ่อเธอ ที่สุดศยามลที่จิตใจเอนเอียงอยู่แล้วก็ตอบรับรัก แต่ได้ขอคำมั่นสัญญา ด้วยการขอ จดทะเบียนสมรส

นอกจากนี้ ในบันทึกยังระบุอีกว่า หลังจากนั้น เธอได้เบนเข็มทิศชีวิตหันไปเรียนตัด เย็บเสื้อผ้า ในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากสามีได้อ้อนวอนให้ทำ เมื่ออยู่ห่างกันสัญญาณร้าวฉานก็มาถึง เมื่อศยามลได้ตั้งครรภ์ แต่สามีกลับไม่ดีใจและยังแนะนำในทางที่ผิด

ศยามลบรรยายความรู้สึก ที่ปวดร้าวว่า เขาลืมคำพูดของเขาทุกคำ แม้แต่คำว่าเขารักฉัน เพราะเขาไม่ต้องการเกียรติยศและศักดิ์ศรี จากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่เหมือนกับเมื่อที่ฉันยังไม่ได้เป็นของเขา

ในบันทึกของศยามล หลังจากนี้ ก็มีแต่เรื่องราวแห่งความเศร้าโศก โดยเล่าถึงสามีที่ไม่เคยดูแล โหลดเกมส์ แม้ในยามใกล้คลอด จะขอบัตรประชาชนเพื่อจะแจ้งว่าเป็น พ่อของลูก ก็ยังไม่ยอมให้ จึงต้องใช้ทะเบียนสมรสแทน

จากนั้นก็ส่งคนมาเจรจาเพื่อขอแยกทาง จนในที่สุด เธอจึงยอมเพราะความเบื่อหน่าย โดยได้เงินมาก้อนหนึ่ง ส่วนบันทึกที่เธอเขียนไว้ ก็เพื่อให้ลูกได้รู้ว่าแม่ได้ต่อสู้อย่างไรบ้าง

และในตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่ยังเจอหลักฐานอื่นๆ จากการตรวจสอบที่บ้านพัก อ.กุยบุรี โดยมีการเขียนระบุถึง ผู้จ้างวาน และเผยความในใจว่า ยังรักถึงขนาดว่า หากผู้ใกล้ชิดคนนี้ ไปแต่งงานก็จะแต่งชุดดำ ไปฉีกหน้าในงาน

ในที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวน อย่างหนัก กลับเจอหลักฐานใหม่ คือ น้ำอสุจิ ซึ่งต่อมาได้มีการพิสูจน์ว่า ได้มีคนนำมาฉีดใส่ เพื่อที่จะเบี่ยงเบนประเด็น กระทั่งวันที่ 15 ต.ค.2536 พ.ต.ท.ชัยชาญ เงินมูล รอง ผกก.ภ.จ.เพชรบุรี ณ ตอนนั้น

พร้อมด้วยทีมสืบสวน ได้บุกจับกุม ส.ต.อ.แผ่ว ภู่เต็ง ขณะกำลังมาขึ้นศาลในคดีพกอาวุธ โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ส.ต.อ.แผ่ว อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ นพ.บัณฑิต สามีของศยามล ก็เก็บตัวเงียบ

ในที่สุดจับ นายแพทย์บัณฑิ คาโรงพยาบาล เจ้าตัวกล่าวไม่ได้รับความเป็นธรรม

คดีนี้ เนื่องจากเกี่ยวพัน กับคนมีชื่อเสียงของจังหวัด ทางเจ้าหน้าที่ จึงดำเนินการ คดีหมอเสริม อย่างไม่บุ่มบ่ามเพื่อเข้าจับกุม แต่ที่สุดแล้ว วันที่ 20 ต.ค.36 เจ้าหน้าที่ก็ได้

ทำการบุกจับกุม นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ สามีของ นางศยามล ถึงห้องพักแพทย์ โรงพยาบาลหัวหิน โดยตั้งข้อหาจ้างวานฆ่า ปรากฏว่าหลังจากชาวบ้านทราบข่าวได้แห่ไปดูที่หน้าโรงพัก ในที่สุด เจ้าหน้าที่ได้ทำการแถลงข่าว ในเวลาต่อมา

พร้อมกับเผยว่าจับผู้ต้องหา ในคดีนี้ได้ 4 จาก 5 คนแล้ว โดยทีมสังหาร 2 คนคือ ส.ต.อ.แผ่ว ภู่เต็ง และ นายบรรจบ หรือ จุก นิลห้อย ซึ่งให้การซัดทอด นพ.บัณฑิต

การตายของนางศยามล คล้ายกับคดีของ นวลฉวี ซึ่งเกิดเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงเอาเรื่องมากล่าวหาว่าผม ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ทำไมญาติอดีตภรรยาใส่ร้ายผม กล่าวหาจนถูกจับ ทั้งที่การตาย ของอดีตภรรยาไม่รู้ใครทำ ทำให้ผมไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนี้ หมอบัณฑิต กล่าวต่อหน้าผู้สื่อข่าว เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2536