บิ๊กแบงคืออะไร การระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ การเกิดวิวัฒนาการของเอกภพ

บิ๊กแบงคืออะไร

บิ๊งแบงคืออะไร การระเบิดครั้งแรกที่นำพาความยิ่งใหญ่

บิ๊กแบงคืออะไร บิ๊กแบงหรือที่เรียกกันว่า การระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ เป็นทฤษฎีของการจำลอง การเกิดวิวัฒนาการของเอกภพ ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และจากการสังเกตการณ์ต่างๆ และการจำลองของทางทฤษฎี ที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการค้นคว้าและวิจัย คำว่าบิ๊กแบง เป็นการใช้ศัพท์ของทางวิทยาศาสตร์ ที่เอาไว้กล่าวถึงแนวคิดของการขยายตัวของเอกภพ เมื่อหลังจะเกิดสภาวะเข้าสู่แรกเริ่ม ที่มีทั้งความร้อนและความหนาแน่น

ความหมายของคำว่า Big Bang จริงๆแล้วคำนี้นั้นเป็นคำที่เกิดจากการล้อเลียน ของนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ที่ตั้งใจจะดูหมิ่น และตั้งใจอยากจะทำร้าย ทฤษฎีของการวิจัยครั้งนี้ ซึ่งเขาได้ออกมาค้านว่าไม่มีทางเป็นจริง และทำการออกอากาศทางวิทยุ เริ่มแรกในช่วงตอนปี 1949

และหลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์คนนี้ ได้เข้าไปช่วยศึกษา และวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของนิวเคลียร์ และการก่อเกิดธาตุ และแน่นอนในการวิจัยครั้งนี้ การค้นพบของรังสีไมโครเวฟพื้นหลังของจักรวาล ซึ่งเป็นการค้นพบที่เกี่ยวข้องกัน และได้ค้นพบในช่วงปี 1964 ทำให้นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ที่มีความเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงไม่สามารถปฏิเสธข้อที่สดีเกี่ยวกับบิ๊กแบงได้นั่นเอง

ลองมาทำความเข้าใจของหลักสมมติฐานของบิ๊กแบงกันดีกว่า

บิ๊กแบงคืออะไร นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสมมติฐานทฤษฎี และแบ่งออกเป็น 2 ประการนั่นก็คือ ความเป็นเอกภพของกรดฟิสิก และหลักการพื้นฐานแห่งจักรวาล แนวคิดของหลักพื้นฐานนั้น มันคือเอกภพในระดับมหภาค และมีความเป็นเนื้อเดียวและคล้ายกันหมดไม่ว่าจะมองไปทางไหน สำหรับเมื่อก่อนนั้นแนวคิดนี้ เป็นแนวคิดพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างมาก จนผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ ยังได้มีการทดสอบสมมติฐานมากมาย กับสิ่งเหล่านี้อยู่หลายๆครั้ง

การทดสอบผลจากการสังเกตการ และแสดงค่าคงที่โครงสร้างละเอียดที่มีความผิดเพี้ยน ที่มีโอกาสเป็นไปได้มากถึงระดับ 10-5 หรือทฤษฎีสัมพันธ์ ที่จะต้องมีการทดลองอย่างจริงจังในกรณีของระบบสุริยะ และระบบดาวคู่นั้น เป็นข้อมูลที่อยู่ในระดับจักรวาลที่ต้องสอดคล้องกับผลสังเกตการณ์ และการคาดการณ์ของทฤษฎีบิ๊กแบงในอดีตอีกด้วย

ผลการค้นคว้าและวิจัยที่ผ่านมา เกี่ยวกับทฤษฎีของ บิ๊กแบงคืออะไร

หากย้อนไปสมัยตั้งแต่ ก่อนที่จะเริ่มเกิดบิ๊กแบงเกิดขึ้น พูดถึงดาวหาง หรือว่าดาวต่างๆ จักรวาลนี้ยังเป็นแค่ห้วงมืดๆ ที่อยู่ในจักรวาลแค่นั้น และหลังจากที่เกิดบิ๊กแบงเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จากการขยายตัว และกลับมาหดตัว ยุคมืดก็เลยหายไป มีแสงสว่างจากดวงดาวเล็กๆมากมาย ที่คุณได้เห็นจนมาถึงปัจจุบันนี้ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ของการเกิดบิ๊กแบงครั้งยิ่งใหญ่

ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่า ในยุคมืดนั้นเกิดขึ้นมาแล้วมากกว่ากี่ปี และคาดว่าไม่สามารถมีใครหาคำตอบ โหลดเกมส์ ได้ คุณอยากรู้หรือไม่ว่า การเกิดแสงครั้งแรกของจักรวาล เกิดขึ้นได้อย่างไร หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลง จากการเกิดดาวดวงแรกของจักรวาล และมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

และดาวเหล่านี้กลายมาเป็นกาแล็กซีได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และน่าค้นหาคำตอบอย่างมาก และยังเป็นจุดสำคัญของทางดาราศาสตร์ ที่เขาสนใจและค้นคว้ากันมาอย่างยาวนาน การเกิดเหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ครั้งแรก ที่ก่อเกิดถึงดวงดาว และกาแล็กซีรวมไปถึงโลก แล้วมาถึงมนุษย์

จุดเริ่มต้นของจักรวาล ที่มีความร้อนและความหนาแน่นมาก แนวคิดของทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีการจำลองภาพเกิดขึ้นมา เกี่ยวกับความหมายของบิ๊กแบงซึ่งคุณจะได้เห็นรูปภาพ ที่ขอบข้างๆจะมีความมืดมิด ที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ และกำหนดขอบเขตของบิ๊กแบงไว้ เป็นเหตุการณ์ที่สามารถคาดการณ์ไว้เมื่อประมาณ 13.77 พันล้านปีที่แล้ว ซึ่งในภาพก็จะได้เห็นว่า หลังจากปรากฏการณ์ ก็จะเป็นการเกิดขึ้นของดาวดวงแรก ที่ปรากฏการณ์และส่องแสงในกาแล็กซี่นี้

บิ๊กแบงคืออะไร

ทฤษฎีของบิ๊กแบง นั้นเกิดขึ้นในปี 1927 ซึ่งเกิดขึ้นจากนักบวชคนนึง เป็นชาวเบลเยี่ยมที่มีชื่อว่า ฌอร์ฌ เลอแม็ทร์ คนคนนี้เขาเป็นทั้ง นักบวช เป็นทั้ง นักคณิตศาสตร์ และเป็น นักดาราศาสตร์ ซึ่งเขาได้ใช้ทฤษฎีของไอน์สไตน์ ซึ่งได้นำมาพิจารณาของจักรวาลที่มีขนาดใหญ่แห่งนี้ และในทฤษฎีนี้ก็ได้พบว่า มีโอกาสเป็นไปได้ ที่จักรวาลนี้มีความเป็นไปได้อย่างสูง ว่าจะมีการขยายตัวไปได้ และเขาก็ยังได้ย้อนกลับไป จากความคิดเดิม และอาจจะย้อนกลับไปให้เล็กลงกว่าเดิมได้ด้วยเช่นเดียวกัน และในขณะที่บางสิ่งบางอย่างที่เล็กลงไป

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกกันว่า อะตอมดึกดำบรรพ์ ถึงแม้ว่าเป็นแนวคิดที่นำมาจากทฤษฎีของไอน์สไตน์ แต่ถ้าตัวนั้นกลับไม่ชอบแนวคิดนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งไอน์สไตน์นั้นมีความเชื่อว่า จักรวาลนี้มีความคงที่ ไม่มีจุดกำเนิด และนั่นก็เป็นความเชื่อของทางไอสไตน์

ผลการในการสังเกตการณ์ของ เอ็ดวินฮับเบิล ในปี 1929 ซึ่งเขาได้สังเกตกาแล็กซีที่อยู่ใกล้ๆ และเขาที่ค้นพบว่า มันกำลังหนีห่างออกจากโลกของเราเร็วขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งถ้าเกิดว่ามีความไกลมากเท่าไหร่ ก็จะหนีห่างออกไปเร็วขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งมีการวัดด้วยการ สังเกตการณ์ด้วยหอดูดาว

และในช่วงนั้นเองทางอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ จึงได้เดินทางมาด้วยตัวเอง เพิ่งมาดูให้เห็นด้วยกับตา ว่าทฤษฎีนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูง ซึ่งด้วยความสงสัยของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ว่าทฤษฎีที่คิดค้นมานั้น เป็นไปได้จริงหรือเปล่า จักรวาลของเรานั้นห่างไกลออกจากจักรวาลอื่นๆ มากขึ้นหรือไม่นั่นเอง และสุดท้ายก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

และหลังจากที่มีการค้นพบของกาแล็กซี่ที่มีการถอยห่างออกจากเราไปเรื่อยๆ แล้วมันทำให้จักรวาลของเรานั้นดูไม่เหมือนเดิม และนี่ก็ถือว่ากลายเป็นประวัติปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ของทางทฤษฎีในวงการ จักรวาลวิทยาเลยนั่นเอง ซึ่งนั่นก็ได้เปลี่ยนความคิดหลายๆคน ที่มีความคิดว่าเมื่อก่อนนั้น จักรวาลเราเป็นจากวันที่นิรันดร์ ไม่มีต้นกำเนิดและไม่มีวันหายไป

การจินตนาการ บิ๊กแบงคืออะไรของนักวิทยาศาสตร์

แน่นอนว่าหลังจากที่รู้เกี่ยวกับ บิ๊กแบงคืออะไร ทฤษฎีแล้ว ทฤษฎีที่ว่านั้นก็คือ ทฤษฎีของ ก่อนเกิดบิกแบง ฌอร์ฌ เลอแม็ทร์ ที่บอกว่าจักรวาลของเรานั้น มีการขยายตัวขึ้น และถ้าลองย้อนคิดแบบกลับกันด้วย จักรวาลก็มีขนาดที่เล็กลง และรวมกันกลายมาเป็นจุดเดียว และนั่นเองก็จะมีความหนาแน่นที่สุด และนั่นก็คือภาวะเอกฐานของจักรวาลฆ แล้วถือว่าเป็นจุดเดี่ยว ซึ่งเป็นจุดที่อวกาศและเวลา เข้ามารวมกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งนั่นเป็นการคำนวณกลับไป จึงได้ค้นพบว่าจักรวาลของเรานั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในเมื่อ 13 พันล้านปีที่แล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นอายุของจักรวาลของเรานั่นเอง

หลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ขึ้น เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น จากจุดเล็กๆกลายเป็นจักรวาลที่ออกห่างไปประมาณ 600 ปีแสง และกลายเป็นจักรวาลเกิดขึ้น เป็นจักรวาลที่ใหญ่มากแต่ก็ยังดูเล็กกว่าทางช้างเผือก ในไม่นานในช่วงอวกาศที่เกิดขึ้นนั้น หลังจากปรากฏการณ์บิ๊กแบง ถึงแม้ว่าจะมีความร้อนและความหนาแน่นอย่างมาก และภายในนั้นก็เริ่มเย็นตัวลงมาเรื่อยๆ และหลังจากที่อุณหภูมิเริ่มเย็นลง อนุภาคต่างๆก็จะเริ่มมาเกาะตัวกัน อย่างเช่นโปรตอนและนิวตรอน เป็นองค์ประกอบของนิวเคลียส

หลังจากนั้นเวลาผ่านไป อิเล็กตรอนก็ได้ไปรวมกับนิวเคลียส และกลายมาเป็นอะตอมและฮีเลียม ซึ่งเป็นในช่วงยุคแรกๆนั้นเอง และหลังจากนั้นผ่านไปอีกหลายล้านไป จักรวาลก็เข้าสู่ในช่วงของยุคมืด ซึ่งหลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดาวดวงไหน ก็ยังไม่มีการส่องแสงเกิดขึ้น และในช่วงนั้นเองในจักรวาลนั้น มีแต่กลุ่มเมฆหมอกของไฮโดรเจนและฮีเลียม

และหลังจากระเบิดครั้งนั้น ก็เป็นการก่อตัวขึ้นระหว่างดาวฤกษ์และดาราจักร ซึ่งแรงโน้มถ่วงนั้น ได้ถือกำเนิดดาวฤกษ์ช่วงแรกๆขึ้นมา หลังจากนั้นแสงดาวก็จะได้ส่องแสงออกมาจากความมืด หลังจากดาวฤกษ์ได้ก่อตัวขึ้น จากแรงโน้มถ่วงที่สร้างขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ แรงโน้มถ่วงปริศนา ที่ปรากฏขึ้นมาทันที

ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากมวลสารปกติ เป็นสสารมืด ซึ่งเป็นชื่อเรียกของสสารที่มองไม่เห็น แล้วเขาตรวจสอบได้ว่า สสารมืดนี้มีแรงโน้มถ่วงได้มากถึง 6 เท่าจากสสารปกติทั่วไป ซึ่งตอนนั้นพลังงานมืดนี้ ได้เข้ามาเป็นส่วนช่วยในการเร่ง เพื่อขยายตัวของจักรวาลมากขึ้น ซึ่งนั่นตั้งแต่แรกๆ พระอาทิตย์ของเรายังเพิ่งเริ่มต้น และนั่นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก็เริ่มถอยห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ

หลักฐานสำคัญที่ทำให้รู้ว่า จักรวาลของเรานี้มีจุดกำเนิด

เป็นหลักฐานในการค้นพบของ รังสีไมโครเวฟ พื้นหลังของจักรวาล และแน่นอนว่าจากการค้นพบครั้งนี้ ทำให้ทฤษฎีบิ๊กแบง มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และแน่นอนว่าทฤษฎีแบบนี้ เป็นทฤษฎีหลักที่ทุกคนนั้นใช้กัน และมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด และเป็นทฤษฎีที่เอาไว้ใช้กำหนดจักรวาล ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งแรกโดย 2 นักดาราศาสตร์ โรเบิร์ตวิลสันและอาร์โนเพนเซียส คุณเชื่อไหมว่านี่คือการค้นพบโดยบังเอิญ เป็นการค้นพบในขณะที่กำลังปรับจูนเสา เขาได้พบสัญญาณคลื่นอ่อนๆ

ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่ได้คำตอบ และภายหลังก็ค้นพบว่า เสียงนั่นเป็นเสียงของจักรวาล ซึ่งเขานั้นได้รับฟังเสียงของจักรวาลโดยบังเอิญ และนั่นกลายเป็นสิ่งที่ไปตรงกับคำทำนาย ประมาณ 16 ปีที่แล้วก่อนที่มีการค้นพบของรังสีไมโครเวฟ ซึ่งเป็นการทำนายจากนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน และทำให้รู้ว่าในปัจจุบันนี้ อุณหภูมิของจักรวาลของเรา อยู่ที่ -270 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่กระจายไปทั่วจักรวาล ไม่ว่าจะตรวจจากทางไหนก็ตาม ก็จะเป็นอุณหภูมิที่คล้ายกันหมด และรังสีไมโครเวฟพื้นหลังนี้

ถือว่าเป็นแสงแรกเลย ที่เกิดขึ้นมาในกาแล็กซี่ของเรา และในตอนนั้นยังไม่มีดาวฤกษ์เลย นักวิทยาศาสตร์ได้ย้อนกลับไป ก็ค้นพบว่าแสงรังสีไมโครเวฟพื้นหลังนี้ มีอายุเพียงแค่ 380,000 ปี หลังจากที่เกิดบิ๊กแบงเกิดขึ้น และนี่ก็คือทั้งหมดของการเกิดขึ้นของบิ๊กแบง

ทั้งหมดนี้คือความหมายของคำว่า บิ๊กแบงคืออะไร ตั้งแต่ก่อนเริ่มจนจบ

ซึ่งทฤษฎี บิ๊กแบงคืออะไร นั้นสามารถค้นหาตรวจสอบได้หลายอย่าง และเราเองก็ได้เรียนรู้ ศึกษาเกี่ยวกับการทำความเข้าใจของนักวิทยาศาสตร์ และแน่นอนว่าเรื่องราวสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก คุณจะได้รู้ว่าโลกของเรามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และที่สำคัญในช่วงที่เวลามืดมิด ก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์บิ๊กแบงเกิดขึ้น ในช่วงนั้นมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

ซึ่งนั่นเองก็เป็นสิ่งที่ทางวิทยาศาสตร์ จะต้องดำเนินต่อและค้นคว้าต่อไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สามารถค้นคว้าและวิจัยและเห็นภาพได้ จากการทดสอบและการทดลองต่างๆ ซึ่งนั่นเองก็จะทำให้เรานั้น ได้เปิดจักรวาลเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ได้มากขึ้น